Surya P. Subedi ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกัมพูชา แสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในที่ดินและที่อยู่อาศัย และการจำกัดพื้นที่ทางการเมืองสำหรับสมาชิกฝ่ายค้าน“มีการใช้กฎหมายอย่างไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทและการให้ข้อมูลเท็จต่อนักข่าว นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน และผู้นำทางการเมือง” Surya P. Subedi ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกัมพูชากล่าว
การนำเสนอรายงานของเขาต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่ง สหประชาชาติในเจนีวา นาย Subedi
รับทราบว่ากัมพูชามีความก้าวหน้าที่สำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในการเสริมสร้างสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการออกกฎหมายใหม่ที่สำคัญ
ในเวลาเดียวกัน เขาตั้งข้อสังเกตว่า “กัมพูชายังคงเป็นประเทศที่ซับซ้อนในแง่ของการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เนื่องจากความเป็นประชาธิปไตยยังไม่หยั่งรากเต็มที่”
ประเด็นสำคัญที่น่ากังวลคือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงที่ดินและสิทธิในที่อยู่อาศัย เสรีภาพในการแสดงออก และความท้าทายที่ศาลต้องเผชิญ เขากล่าว พร้อมเสริมว่าประเด็นเหล่านี้ยังคงครอบงำภูมิทัศน์ทางกฎหมายและการเมืองในกัมพูชา
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำชุดมาตรการเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระและขีดความสามารถของศาลยุติธรรมและสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนโดยรวม
นายสุเบดียังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการจำกัดพื้นที่ทางการเมืองในกัมพูชาสำหรับผู้ที่สังกัดพรรค
ฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ โดยกล่าวถึงความเชื่อมั่นของผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี นับตั้งแต่ส่งรายงานของเขาต่อสภา
เขาหวังว่าคำตัดสินจะถูกอุทธรณ์และขอให้ดำเนินการโดยให้ความสำคัญกับกระบวนการที่เหมาะสมและหลักการของการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม
น้ำท่วมคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 20 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด โดยมากกว่าร้อยละ 75 อยู่ในจังหวัดสินธุ์และแคว้นปัญจาบ ตามรายงานของสำนักงานสหประชาชาติเพื่อการประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรม ( OCHA )
หน่วยงานของสหประชาชาติและพันธมิตรของพวกเขากำลังเพิ่มความพยายามในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 2,000 คน และทำให้หลายล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ภาวะทุพโภชนาการ ความเสี่ยงจากโรคระบาด และการสูญเสียวิถีชีวิต
ตั้งแต่เริ่มต้นการรับมือน้ำท่วม องค์การอนามัยโลก ( WHO ) ได้จัดหายาให้เพียงพอสำหรับประชากรเกือบ 5 ล้านคน
หน่วยงานดังกล่าวร่วมกับกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ( UNCEF ) ได้จัดหามุ้งกันยุงที่ใช้ยาฆ่าแมลงกว่าครึ่งล้านชุด เพื่อเป็นการรับมือเบื้องต้นต่อความเสี่ยงโรคมาลาเรียที่เพิ่มขึ้นในเขตที่ประสบอุทกภัย